เรียนศิลปะแล้วได้อะไร # 2
ตอนเด็กๆ ผู้เขียนเคยเป็นเด็กที่ไม่ค่อยมีความั่นใจในตนเอง ชื่นชอบวิชาศิลปะและหลังจากเรียนศิลปะแล้ว รุ้สึกมีความสุข ทำให้เปิดโลกใหม่กับผู้เขียน ต่อมาตัดสินใจเรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัยศิลปะ สาขาออกแบบ จนประกอบอาชีพออกแบบ กว่า20 ปี รวมทั้งครอบครัวของผู้เขียนมีประสพการณ์ที่ดี มีกัลยาณมิตรที่ดีและมีความสุขดีพอสมควร
จึงอยากสนับสนุนประโยชน์ของการเรียนศิลปะ สำหรับผู้ปกครองและผู้สนใจทั่วไป
"กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะเป็นกลุ่มสาระที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจินตนาการทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ความมีคุณค่า ซึ่งมีผลต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์
อีกทั้งกิจกรรมทางศิลปะช่วยพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอดจนการนำไปสู่การพัฒนาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความเชื่อมั่นในตนเอง อันเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพนั่นเอง
สำหรับคำตอบ และข้อดีของการเรียนวิชาศิลปะเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจอย่างลึกซึ่งสักทีเดียว ดังนั้นครูผู้สอนวิชาศิลปะจึงเป็นอีกหนึ่งคนสำคัญที่สรรหากิจกรรมที่จะเพิ่มทักษะในการคิดเชิงสังเคราะห์ การได้สนุกกับศิลปะอย่างมีอิสระตั้งแต่เล็ก เสริมสร้างการเข้าสังคม และการเปิดโลกน้อยๆของลูกให้กว้างขวางขึ้น อีกทั้งศิลปะยังเป็นรูปแบบการแสดงความเป็นตัวเอง และสื่อสารความรู้สึกและอารมณ์ออกมาได้ ยิ่งถ้าได้สร้างงานเองอย่างอิสระโดยไม่ได้ลอกเลียนแบบ หรือถูกตีกรอบ
นั่นเท่ากับได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในตัว และประโยชน์ของศิลปะยังช่วยเด็กสำหรับการต่อยอดความคิด อีกทั้งช่วยให้เด็กมีความสนใจที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะการเรียนรู้ครั้งแรก จะเป็นการมอบประสบการณ์ครั้งแรกที่ติดตัวเขาไปตลอด และสิ่งเหล่านี้แหล่ะที่จะช่วยพอกพูนสะสมกลายเป็นความมั่นใจต่อไปได้อีก
ถามว่าศิลปะดีกับลูกอย่างไร ไม่เพียงแต่ศิลปะจะช่วยฝึกฝนการใช้กล้ามเนื้อน้อยๆให้กับลูกเท่านั้น แต่ช่วงเวลาที่เด็กๆกำลังทำงานศิลปะ คือช่วงเวลาที่สมองน้อยๆกำลังรวบรวม สรรหา จัดส่วนประกอบต่างๆของสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว ที่เขาได้รับรู้สะสมมา รวมทั้งความคิดที่มีต่อสิ่งรอบตัว สรุปออกมาเป็นความคิด แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นรูปธรรม
ศิลปะจึงเป็นสื่อนำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ที่จะมองความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งศิลปะช่วยก่อเกิดสุนทรียภาพ เบิกบานใจเพราะเด็กๆ จะซึมซับความปราณีต งดงามจากงานศิลปะที่ได้พบเห็น ได้ลงมือทำ สั่งสมไปเป็นจิตใจที่ปราณีต อ่อนโยน ไม่แข็งกร้าว เป็นจิตใจที่รับสัมผัสได้ไวต่อความงามที่อยู่รอบตัวจะทำงานสิ่งใดก็ต้องทำให้ดี ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีพัฒนาการและการแสดงออก
ดังนั้น พ่อแม่ก็มีส่วนช่วยส่งเสริมศิลปะให้ลูกได้อีกทาง เพราะศิลปะสำหรับเด็กเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เมื่อเด็กได้ทำหรือได้ปฏิบัติ จะมีความสุข ไม่รู้จักเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรี การแสดงนาฏศิลป์ หรือการทำงานศิลปะต่างๆ กิจกรรมเหล่านี้ล้วนแล้วเป็นการพัฒนาเด็กอย่างเป็นองค์รวม คือ การพัฒนาทั้งพฤติกรรม จิตใจ และสติปัญญา ที่เกิดการพัฒนาทั้งภายในและภายนอกของเด็กไปพร้อมๆกัน และศิลปะทุกแขนงสามารถเกิดขึ้นที่บ้านได้ นอกเหนือจากที่โรงเรียน"
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.thaihealth.or.th/Content/25308-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81.html
ความคิดเห็น